ชี่กับพลังชีวิต ตอนที่ 1














(บทความและภาพประกอบโดย ครูแม่ส้ม (สมพร อมรรัตนเสรีกุล)


ชี่คืออะไร

คนจีนเรียกพลังชีวิตว่า “ชี่” (
氣 : 气 ภาษาอังกฤษเขียนว่า Qi)
จีนแต้จิ๋วออกเสียงว่า “ขี่”
ภาษาสันสกฤตใช้คำว่า “ปราณ” (prana)
ส่วนคนญี่ปุ่นเรียกพลังชีวิตว่า “ กิ” (ki)
และในภาษากรีกเรียกว่า “ นูมา” (pneuma)

คำว่า
“ พลังชีวิต” นี้ไม่ได้หมายถึงเพียงแค่ชีวิตของมนุษย์เรา หรือชีวิตของสัตว์ของพืชเท่านั้น แต่คำว่า “ชีวิต” ในนัยยะนี้ มองสรรพสิ่งในจักรวาลว่ามีชีวิตและมีชี่ของตัวเอง จักรวาลก็มีชีวิตของจักรวาล มีชี่ของจักรวาล ดวงดาวแต่ละดวงก็มีชีวิตและมีชี่ของตัวเอง มนุษย์ทุกคน สัตว์ทุกตัว ต้นไม้ทุกต้น ก้อนหิน แม่น้ำ ก้อนเมฆ แม้กระทั่งวัตถุสิ่งของ ทุกสิ่งทุกอย่างมีชีวิตและมีชี่ไหลเวียนอยู่ในตัวเองทั้งสิ้น

ชี่เป็นพลังงานที่เคลื่อนไหวตลอดเวลา ชี่ของสิ่งหนึ่งจะแลกเปลี่ยนถ่ายโอนสลับที่กับชี่ของอีกสิ่งหนึ่งเสมอ ด้วยตรรกะนี้เองที่คัมภีร์อี้จิง กล่าวว่า สรรพสิ่งในจักรวาลนี้ ไม่มีอะไรหยุดนิ่ง ไม่มีอะไรไม่เปลี่ยนแปลง ไม่มีอะไรไม่เชื่อมโยงกัน และไม่มีอะไรไม่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน

คนส่วนมากบอกว่าชี่เป็น “ลม” ดังที่เราคุ้นกับคำว่า “ลมปราณ” นี่ก็ถูกในระดับหนึ่ง เพราะลมเป็นคุณสมบัติหนึ่งของชี่ แต่นอกจากลมหรืออากาศแล้ว ชี่ยังมีคุณสมบัติเป็นคลื่น เป็นพลังงานที่มองไม่เห็นอีกหลายรูป โยคะศาสตร์ของอินเดียและชี่กงของจีน เชื่อเหมือนกันว่าพลังทางร่างกาย พลังจิต และพลังความคิด ล้วนก่อเกิดจากพลังชี่หรือพลังปราณทั้งสิ้น

ดังนั้นหากต้องการให้ร่างกายแข็งแรง ก็ต้องทำชี่ให้แข็งแรง หากต้องการให้จิตใจเข้มแข็ง ก็ต้องปรับชี่ให้มีกำลัง และหากต้องการให้เกิดปัญญาทางความคิดก็ต้องบ่มเพาะให้ชี่ไปบำรุงสมองได้เต็มที่

นอกจากพลังทางกายภาพ พลังจิต และพลังความคิด จิตวิญญาณก็เป็นพลังชี่อีกรูปหนึ่งด้วย สิ่งมีชีวิตเมื่อตายลง ชี่ส่วนหนึ่งจะอ่อนแรงและแปรรูปไป แต่ชี่ไม่ได้สลายหรือสูญไปเหมือนกับร่างกายที่เน่าสลายหายไป ชี่ของชีวิตที่ตายลง จะเลื่อนไหลไปปะปนกับกระแสชี่อื่น ๆ อย่างต่อเนื่องไปไม่สิ้นสุด จึงสามารถกล่าวได้ว่า วิญญาณคือรูปหนึ่งของชี่ และกระแสกรรมก็เป็นรูปหนึ่งของกระแสชี่เช่นกัน
 


พลังชี่ทั้ง ๓ (三才)

ในคัมภีร์อี้จิงเก่าแก่ของจีน กล่าวว่าคนเราสัมพันธ์กับชี่ ๓ ประเภท หรือ พลังทั้ง ๓ คือ
พลังชี่ของ
ฟ้า หรือ สวรรค์
พลังชี่ของ
ดิน หรือ ของโลก
และพลังชี่ของ
มนุษย์ 

 
๑. พลังชี่ของฟ้าหรือชี่สวรรค์ (天气)คือพลังธรรมชาติที่อยู่บนท้องฟ้าและในจักรวาล เช่น พลังจากดวงอาทิตย์ แรงดึงดูดจากดวงจันทร์และดวงดาว พลังงานที่เกิดจากลม พายุ สายฝน ก้อนเมฆ และอากาศทั้งหมด 


๒. พลังชี่ของดินหรือชี่ของโลก (地气)คือ พลังธรรมชาติที่อยู่บนโลก ทั้งบนดินและใต้ดิน ก้อนหิน ดินทราย สายน้ำ แร่ธาตุ ต้นไม้ และสัตว์ต่าง ๆ 

๓. พลังชี่ของมนุษย์ (人气)คือพลังชีวิตของคนเรา
 

แม้ว่าจะมีการแบ่งประเภทของชี่ออกเป็นพลัง ๓ ประเภท แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ชี่ของฟ้าจะแยกขาดจากชี่ของดิน หรือชี่ของมนุษย์จะไม่เกี่ยวข้องกับชี่ฟ้าและชี่ดิน ชี่ทั้ง ๓ มีความสัมพันธ์และทำปฏิกริยาต่อกันอย่างแยกกันไม่ขาด ชี่ของสิ่งหนึ่งสมดุล ชี่ของสิ่งอื่นก็ดีไปด้วย ชี่ของสิ่งหนึ่งไม่สมดุล ผลกระทบก็จะเกิดต่อชี่ของสิ่งอื่นด้วยเช่นกัน

เมื่อภาพรวมทั้งหมดปรากฏออกมาว่า ไม่มีชีวิตใดในจักรวาลนี้สามารถแยกขาดเป็นปัจเจกอย่างสมบูรณ์ โดยไม่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับชีวิตอื่นเลย และไม่มีชี่ของสิ่งใดไม่เคลื่อนไหวแลกเปลี่ยนกับชี่ของสิ่งอื่น ดังนั้นความสงบสุขและความมีสุขภาพดีของทุกชีวิตในจักรวาล จึงขึ้นอยู่กับความสมดุล ความผสมผสานกลมกลืน และการแลกเปลี่ยนกันอย่างพอดิบพอดี ระหว่างชี่ของตัวเองกับชี่ของสิ่งแวดล้อม เรียกว่า ชี่ภายใน(內气)กับ ชี่ภายนอก(外气)

ชี่ทุกชนิดพยายามรักษาและปรับสมดุลในตัวเองตามธรรมชาติ เช่น เมื่อใดที่ชี่สวรรค์เสียสมดุล ธรรมชาติจะปรับดุลด้วยปรากฏการณ์ต่าง ๆ เช่น เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง อากาศและฤดูกาลแปรปรวน เมื่อใดที่ชี่ของดินหรือชี่โลกเสียสมดุล โลกก็จะปรับดุลด้วยการขยับตัว เกิดแผ่นดินไหว น้ำท่วม ดินถล่ม ชี่ของคนสัตว์ต้นไม้ก็เช่นกัน เมื่อใดเสียสมดุล ธรรมชาติก็ปรับด้วยการทำให้อ่อนแอเจ็บป่วยและตายไป เพื่อเปิดโอกาสให้ชีวิตอื่นได้ดำรงอยู่ หรือเพื่อให้ชี่ที่เสียสมดุลนั้น หมุนเวียนกลับมาเกิดเป็นวัฏจักรชีวิตใหม่ที่สมดุลขึ้นอีกรอบหนึ่ง

ชีวิตมนุษย์เราเป็นส่วนหนึ่งในปรากฏการณ์ปรับสมดุลของธรรมชาติ เมื่อใดที่ชี่ของฟ้าป่วย เราก็ป่วย เมื่อใดที่ชี่ของดินป่วย เราก็ป่วย และเมื่อใดที่ชี่ของสิ่งมีชีวิตอื่นป่วย เราก็ป่วยด้วย

เนื่องจากจักรวาลและโลกเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ทำให้กระแสชี่ของทุกสิ่งทุกอย่างยักย้ายถ่ายเท จากที่หนึ่งไปสู่อีกที่หนึ่งตลอดเวลาด้วยเหมือนกัน ชี่ของสิ่งหนึ่งจะถูกดึงและถูกดูดจากชี่ของอีกสิ่งหนึ่งเสมอ ตรงไหนหลวมหรือพร่อง ชี่อื่นก็จะไหลเข้ามาแทนที่ ตรงไหนแน่นหรือล้น ชี่ก็จะกระจายออกไปแทรกรวมกับชี่อื่น

หลักการนี้สามารถยกตัวอย่างให้เห็นง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น เมื่อไรที่ชี่ฝ่ายแข็งแรงภายในร่างกายของเราพร่องลง ก็จะถูกชี่เชื้อโรคแทรกเข้ามาแทนที่ เมื่อไรที่ชี่ในจิตใจเราอ่อนแอ ก็จะถูกชี่อารมณ์ของคนอื่นแทรกแซงได้ง่าย เมื่อไรที่ชี่ในสมองของเราพร่อง ปัญญาความคิดใหม่ ๆ ก็จะไม่เกิด ในคัมภีร์เต๋าโบราณของจีนระบุว่า หากชี่กายอ่อนแอ ชี่ของจิต (อารมณ์) ก็จะอ่อนแอด้วย เมื่อชี่จิตอ่อนแอ ก็ไม่สามารถส่งชี่ไปบำรุงปัญญา เมื่อชี่ปัญญาไม่มีเรี่ยวแรง จิตวิญญาณหรือเสิน ก็ไม่สามารถปฏิสนธิ เมื่อเป็นเช่นนี้ ดวงวิญญาณของคนนั้น ก็จะไม่ได้รับการขัดเกลาและพัฒนาให้สูงขึ้น
 


ฟังชี่

ตำราชี่กงโบราณของจีนบอกว่า เราสามารถประเมินสุขภาพของตัวเองได้ด้วยการฝึก
“ฟังชี่” การฟังชี่ในที่นี้ ไม่ใช่การฟังให้ได้ยินเสียง แต่เป็นการฟังผ่านการรับรู้ข้างใน หรือพูดง่าย ๆ ว่าเป็นการสังเกตตรวจสอบตัวเองอย่างละเอียดทั้งภายนอก(คือร่างกายและสิ่งแวดล้อม)และภายใน(คืออารมณ์และความคิด)นั่นเอง

ตัวอย่างการฟังชี่ เช่น นั่งนาน ๆ ขาเกิดชาหรือเมื่อยขึ้นมา อาการชาและปวดเมื่อยเป็นเพราะชี่ในร่างกายไม่หมุนเวียน ชี่จึงส่งสัญญาณมาบอกเราว่าถึงเวลาต้องลุกออกไปเดินยืดเส้นยืดสายให้ชี่ไหลเวียนเสียบ้างแล้ว
เมื่อเราอยู่ในห้องปรับอากาศนาน ๆ ถ้ารู้สึกอึดอัดหายใจไม่สะดวก หรือรู้สึกว่าผิวหนัง ลำคอ หรือโพรงจมูกชักจะแห้ง แสดงว่าชี่ได้ส่งสัญญาณมาบอกเราว่า ขณะนี้ชี่ในห้องนี้ชักจะไม่ดีแล้ว ควรเดินออกไปนอกห้อง หาที่โล่ง ๆ ที่มีลมพัดผ่าน และมีต้นไม้ใบหญ้า เพื่อเราจะได้ปรับชี่ของตัวเราเข้ากับชี่ของฟ้าและดินเสียหน่อยค่อยกลับเข้ามาทำงานต่อ

ช่วงไหนที่เราหมกมุ่นอยู่กับตัวเองมากเกินไปจนจิตใจห่อเหี่ยว เบื่อหน่าย เซ็ง หดหู่ซึมเศร้า อาการเหล่านี้เป็นเสียงของชี่ที่สื่อสารกับเราว่า ชี่ภายในของเรากำลังบกพร่อง อาจจะมีชี่บางอย่างมากไปหรือน้อยไปในตัวเรา เช่น ชี่หยินอาจมากไป ชี่หยางอาจน้อยไป ถึงเวลาที่เราควรออกไปทำกิจกรรมกับเพื่อน ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนชี่กับชีวิตอื่น ๆ บ้าง

โดยทั่วไปหากจิตใจไม่นิ่งพอ เราจะแปลสัญญาณของชี่ไม่ออก เรียกว่าไม่ได้ยินเสียงชี่ และเมื่อไม่ได้ยิน เราก็จะถูกชี่ฝ่ายลบหรือชี่ก่อโรครุกรานและล่อลวง ที่ว่าล่อลวงก็เช่น เมื่อเรายิ่งอ่อนแอ เราก็จะยิ่งขี้เกียจออกกำลัง เมื่อเรายิ่งอ้วน เราก็ยิ่งหิวบ่อย เมื่อเรายิ่งหงุดหงิด เราก็ยิ่งมองหาเหยื่อให้ระบายโทสะ ยิ่งเราซึมเศร้า เราก็จะยิ่งเก็บตัวไม่อยากเจอหน้าใคร อาการที่หนักขึ้น ๆ ที่แท้ก็คือเสียงตระโกนของชี่ที่เราไม่ได้ยินนั่นเอง
 


ชี่กับชีวิตสมัยใหม่

วิถีชีวิตสมัยใหม่ ทำให้ผู้คนลืมความเชื่อมโยงระหว่างชี่ของตัวเองกับชี่ของจักรวาล (ชี่สวรรค์) และชี่ของโลก (ชี่ดิน) และลืมฟังชี่ หากลืมนาน ๆ เข้า ชี่ภายในของเราก็จะสึกหรอเสียสมดุล อาการป่วยกาย ป่วยใจ ป่วยปัญญา ก็จะปรากฏขึ้น

การดำรงความสมดุลที่ง่ายที่สุดสำหรับชีวิตสมัยใหม่ คือการจัดสรรเวลาให้มีโอกาสได้แลกเปลี่ยนกับชี่ฟ้า ชี่ดิน และชี่ของสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ อย่างพอเหมาะพอดี รู้ได้อย่างไรว่าพอดี พอดีคือไม่ต้องพยายามมากจนเสียการเสียงาน ไม่ต้องพยายามมากจนกลายเป็นสร้างแบบแผนที่แข็งเกร็งให้ชีวิต ไม่พยายามมากไปจนเห็นคนอื่นด้อย และไม่ต้องพยายามมากไปจนเสียเงินเสียทอง

พูดง่าย ๆ ว่าในชีวิตประจำวัน แม้จะต้องทำงานประจำที่วุ่นวาย ในสถานที่ที่ไม่เป็นธรรมชาติ แต่เราก็สามารถรักษาชี่ให้สมดุลได้ ด้วยการหมั่นฝึกสังเกตตัวเอง ฝีกฟังชี่ตัวเอง อย่าปล่อยให้การงานหรือกิจกรรมสังคมรัดตัวเสียจนละเลยตัวเอง

การปรับสิ่งแวดล้อม ช่วยปรับชี่ภายในของเราให้สมดุลกับชี่ภายนอก ทำให้ชี่ในตัวเราประสานกับพลังชี่ทั้ง ๓ คือชี่ฟ้า ชี่ดิน และชี่มนุษย์อย่างพอดี ๆ และการฝึกสมาธิ จะช่วยให้เราฟังชี่และสื่อสารกับชี่ได้ว่องไวขึ้น
 



เขียนโดย
ครูแม่ส้ม - สมพร อมรรัตนเสรีกุล
kroosom@gmail.com

อ่านต่อ "ชี่กับพลังชีวิต ตอนที่ 2"